11/2/53

ระวัง BTS ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป




วันนี้มีอุทธาหรณ์ อยากจะเตือนผู้ใช้รถไฟฟ้า โดยเฉพาะคนที่กลับบ้านดึกและมาคนเดียว
ปกติ ขึ้นBTSเกือบทุกวันอยู่แล้ว วันนั้นเรามีธุระต้องกลับบ้านดึกก็นั่งมาจากทางอ่อนนุช นั่งอยู่ชิดกระจกที่มันพิงได้น่ะนะ ประมาณเกือบ 5 ทุ่ม พอถึงสยาม

ก็มีผู้ชายคนหนึ่งตัวอ้วนมาก (พอสมควร) ผิวดำแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงขายาวประมาณแข้ง มานั่งข้างๆพอมันขึ้นมาก็ถือพัดมาด้วยแล้วพัดๆไป ตอนแรกๆก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่ชอบที่เขามานั่ง พัดแล้วลมมันโดนเราเพราะเหมือนเอากลิ่นเหงื่อเขามาให้เราดม เราก็เลยทำท่าทางไม่ค่อยพอใจ แทนที่มันจะหยุดตามมารยาทสังคมเพราะรถไฟฟ้าก็มีแอร์ ไม่ได้ร้อนเพราะไม่มีแดด มันก็พัดๆหยุดๆทีนี้เราเริ่งเอะใจ แล้วก็กลั้นหายใจสังเกตว่ามันจะพัดให้ลมมันโดนเรา สักไม่ถึงนาทีใกล้ถึงราชเทวีก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าว คราวนี้เลยมั่นใจว่าต้องมีอะไรผิดปกติ เลยรีบคว้าของแล้วลุกออกมาจากตรงนั้น และรีบโทรศัพท์ให้แม่มารับ (ลงสนามเป้า)

ระหว่างนั้นก็หัวใจเต้นรัวและตัวสั่นนิดๆ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก เลยไปบอกผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในขบวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา แล้วฝากดูให้ด้วยแล้วเราก็ยืนจ้องมัน มันก็ทำเป็นหลับ (เก็บพัดไปแล้วตั้งแต่เราลุกออกมา) เราเสียดายที่ไม่ได้รูปถ่ายมันไว้เพราะตอนนั้นรู้สึกงงๆ ทำอะไรไม่ถูก พอถึงสนามเป้าเราก็รอให้ประตูเปิดจนใกล้ปิดแล้วค่อยเดินออก เพื่อจะได้แน่ใจว่ามันตามมาไม่ทันแน่นอน พอลงบันไดมาเลยไปบอกพนักงานว่าเกิดอะไรขึ้น ฝากวานให้ช่วยดูแลด้วย

ตอนนี้ถึงบ้านอาบน้ำแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย อยากจะฝากให้ช่วยส่งต่อข้อความนี้ด้วยนะ เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับใคร เมื่อไร โชคดีที่เรารอดมาได้เพราะมีสติ คอยระวังตัวด้วยนะทุกคน เดาว่าช่วงที่มันหยุดพัดก็เพื่อหายใจ แล้วช่วงที่มันพัดก็กลั้นหายใจไว้ ซึ่งถ้าเราไม่ได้สนใจ หายใจเข้าไปไม่กี่ครั้งเราก็คงหลับพิงกระจกเหมือนคนธรรมดา แล้วพอถึงหมอชิตคนลงไปหมด มันก็คงขโมยของเราไป ไม่อยากจะคิดว่าถ้าไม่ใช่รถไฟฟ้า คงอันตรายมากกว่านี้ เลยขอให้ระวังกันไว้นะ
อย่าประมาท เรื่องอย่างนี้มันจับมือใครดมไม่ได้ ต้องระวังตัวเองให้ดีที่สุด !!!


ที่มาของข้อมูล www.dek-d.com

สาวๆ ที่ใจดีคะ ระวังภัยแบบนี้นะคะ

เตือนภัยในสังคมแบบใหม่ เราจึงอยากบอกต่อให้คุณผู้หญิง รวมถึงคุณผู้ชายหลายๆ ท่านที่ห่วงใยคุณผู้หญิง ได้เพิ่มความระแวดระวังให้มากขึ้นค่ะ


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

สาวๆ ที่ใจดีคะ ระวังภัยแบบนี้นะคะ
การ ข่มขืนแบบใหม่!! ผม ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยมันอาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณได้ระมัดระวัง ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ ผู้หญิงคนที่ประสบกับเหตุการณ์นี้ เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เรื่องมีอยู่ว่า....

วันหนึ่งหลังเลิกงาน ผมได้ฟังเรื่องราวกลยุทธ์ในการข่มขืนแบบใหม่จาก น้องสะใภ้ ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง หลังเลิกงานผู้หญิง คนนี้กำลังจะกลับบ้าน ระหว่างทางเธอเห็นเด็กตัวน้อยๆกำลังยืนร้องไห้ อยู่ข้าง ถนน ด้วยความรู้สึกสงสารเด็ก เธอเดินเข้าไปหาและถาม ว่า "เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ" เด็กน้อยตอบ ว่า "ผมหลงทาง พี่ช่วยพาผมไปส่งที่บ้านหน่อยได้ไหม ครับ" แล้วเด็กน้อยก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้ว บอกว่าให้พาไปส่งตามที่อยู่ในนั้น
ด้วยความใจ ดีของเธอ เธอมิได้สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย เธอก็พาเด็กไปส่งตามที่อยู่นั้น พอถึงที่บ้านของเด็กน้อยตาม ที่อยู่ในนั้น เธอก็กดกริ่ง ทันใดนั้นเอง กริ่งที่ว่าถูกต่อสายไฟฟ้าแรงสูงเอา ไว้ แน่นอนมันช็อตเธอจนหมดสติ ....

วันต่อมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอพบว่า เธออยู่ในบ้านร้างพร้อมกับร่างอันเปลือยเปล่า


เธอจำไม่ได้เห็นแม้กระทั่งใบหน้าของผู้ร้าย นั่นคงเป็นคำถามว่าทำไมทุกวันนี้ อาชญากรรมถึงพุ่งไปหาคนที่ใจดี ในครั้งต่อไปถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก ไม่จะกับใครก็ตามขอให้จำไว้ว่า อย่าพาเด็กไปในที่ที่เขาต้องการ ยังไงให้พาไปที่สถานีตำรวจ จะดีกว่า จำไว้ เมื่อพบเด็กหลงทาง ทางที่ดีที่สุดควรพาไปที่สถานีตำรวจ นะครับ


ข้อมูลจาก Forward Mail ฉบับหนึ่ง

9/2/53

5 เรื่องความงาม ที่ผู้หญิงพลาดบ่อย



ทุกอย่างพลาดกันได้ แต่เรื่องความสวยความงาม อย่าเผลอผิดพลาดบ่อยไปเชียว เดี๋ยวจะถูกเหมาได้ว่าเราดูแลตัวเองไม่ดีจริง อย่างเช่น 5 เรื่องต่อไปนี้ ที่ผู้หญิงอย่างเราพลาดกันบ๊อย บ่อย

1. ไม่ใช้ครีมบำรุง ไม่เอาครีมกันแดด

พลาดไปถนัดทีเดียว ที่ปฏิเสธครีมบำรุงและครีมกันแดด เพราะนี่ล่ะคือการป้องกันและดูแลผิวหน้าในระยะยาวที่ดีที่สุด แม้ว่าครีมที่เราเลือกใช้จะไม่ได้ผสมสารสกัดราคาแพงก็ตาม แต่การเติมน้ำให้ผิวและตามด้วยป้องกันแสงแดดในทุกๆ ครั้งที่ออกจากบ้านนี้ จะช่วยยืดอายุผิวได้นาน และยังป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระได้ดีไม่น้อย

2. ตามกระแส

เดี๋ยวนี้กระแสช่างพาไปจริงๆ จนสาวๆ อดซื้อตามคำบอกเล่าไม่ได้ แต่ในที่สุดก็พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่เหมาะกับเราเสียเลย อย่างเมกอัพที่สีไม่เข้ากับผิว โลชั่นที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือสินค้าที่ราคาแพงเกินจริง แต่สามารถมองหาของดีใกล้เคียงได้ตั้งมากมาย

3. ไม่ดูอายุผลิตภัณฑ์

บางทีอาจเกิดจากความเสียดาย ความละเลย หรือการไม่รู้ แต่สำคัญที่เดียวที่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ความงามตามอายุของมัน สังเกตได้ง่ายๆ จากฉลากข้างขวดที่จะบอกว่าใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในกี่ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาตินั้นจะอายุสั้นกว่าประมาณ 2 – 3 ปีตามเงื่อนไขของธรรมชาติ

4. ชอบ แต่ไม่ได้ใช้

เผลอซื้อเพราะแพคเกจจิ้งกันบ้างหรือเปล่า บางครั้งก็ใช้ใจพาไปจนซื้อมาสะสมกันไว้จนใช้แทบไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องตัดใจทิ้งไปเพราะของหมดอายุเสียนี่ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คราวหน้าลองจดลิสต์ชิ้นบิวตี้ที่ต้องการจริงๆทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอพลาดจนอดเสียดายสตางค์ทีหลัง

5. ลืมนึกถึงผลกระทบ

ข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะจะเป็นการดีอย่างยิ่งที่เราจะคิดหน้าคิดหลังก่อนจับจ่าย เช่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดี น่าใช้ แต่กลับบรรจุในแพคเกจจิ้งที่ชวนทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถรีไซเคิลได้ บ้างก็ใส่สารเคมีมากเกินจำเป็น บ้างก็ใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย (แถมราคาที่แพงก็เพราะค่าแพคเกจจิ้งเหล่านี้นี่เอง)

ขอขอบคุณ variety.mwake.com

เตือนภัยผู้หญิงที่ขับรถคนเดียว 2

เมื่อวานนี้เอง.. เจอกับตัวเลยค่ะ
เราก็ขับรถของเราอยู่ดี ๆ ไปเรื่อย ๆ เนื่องจากรถติด ทำให้ต้องขับช้า โดยปริยาย
มีผู้ชายคนนึงขี่มอเตอไซค์ออกจากซอยข้าง ๆ ถนนที่เราผ่านมา
ทีแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกค่ะ
ซักพักมันขับตามมาขนาบด้านซ้ายเรา (เราอยู่เลนส์ซ้ายสุดค่ะ)
มากดแตรปิ๊น ๆ พร้อมเคาะกระจก แถมเรียกให้เราจอด

เราก็งงว่าเกิดไรขึ้น ก็เลยพยายามหาจุดที่จอดได้ ลงไปดู
มันก็อ้างค่ะ ว่าน้องขับรถทับขาพี่(แล้วแกล้งทำเดินกระเผลก)
ทีแรกเราก็ตกใจ นึกว่าไปโดนขาเค้าจริง ๆ
(แต่ในใจคิดว่าแปลกๆ เนื่องจากเราขับอยู่กลางเลนส์มาก ๆ แถมช้าสุด ๆ
มอไซค์ปาดหน้าเราเป็นสิบเราก็ไม่ได้ว่าอะไร)
พอไปดูนี่แทบไม่มีรอยอะไรที่เท้า"มัน" เลยค่ะ
แถมมาพูดว่า ไม่อยากให้น้องเสียเวลา
จะให้เราให้ตังค์ไปซื้อยา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเรียกประกัน
ทำพูดโน่นพูดนี่
พอเราจะขอจดเลขทะเบียน + ขอดูบัตรประชาชน
มันรีบทำท่าจะไม่เอาเลยค่ะ
แถมบอกว่า พีไม่อยากให้น้องยุ่งยาก รถก็ไม่ใช่รถพี่
แต่ก็ยังมีพูดกั๊กว่า เนี่ยแค่เสียค่ายาสองสามร้อยก็จบ

เราเลยแกล้งจะเดินไปจดทะเบียนรถมัน มันรีบเดินหนีไปเลยค่ะ แถมบอกว่าไม่เอาแล้วก็ได้ทำนองนี้อ่ะค่ะ

จะเตือนภัยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เราว่า ยอมโทรเรียกประกันหรือให้ตำรวจแถวนั้นมาช่วยดูดีกว่าค่ะดีว่าตรงนั้นที่เรา ไปจอดยังไม่เปลี่ยวนักเกิดซวยขึ้นมาอาจจะไม่ใช่แค่เสียตังค์ไม่กี่บาทก็ได้ ค่ะ

ที่มาจาก pantip

เตือนภัยผู้หญิงฉีดน้ำช่องคลอด

รอยเตอร์ - คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอละแบมา ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศสหรัฐฯ เผยผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ Sexually Transmitted Diseases ฉบับเดือนธันวาคม 2005 ว่า การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากการฉีดน้ำทำ ความสะอาดอวัยวะเพศ สามารถช่วยโน้มน้าวให้เด็กสาววัยรุ่น และผู้หญิงทั่วไปเลิกพฤติกรรมเช่นนี้ได้

รายงานชี้ว่า การฉีดน้ำทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดเป็นพฤติกรรมที่กระทำกันโดยทั่วไป ทั้งนี้มีผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ในสหรัฐฯ ถึงกว่า 1 ใน 4 ที่บอกว่า ทำเช่นนี้เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิงและวัยรุ่นอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา

โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขมักชี้ว่า การ ฉีดน้ำบริเวณอวัยวะเพศเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ เนื่องจากอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง อาทิ การติดเชื้อแบคทีเรีย และการคลอดก่อนกำหนด

แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการฉีดน้ำบริเวณช่องคลอดเป็นสาเหตุของปัญหา เหล่านี้จริงหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากก็เชื่อว่า พฤติกรรมนี้อาจไปทำลายสมดุลของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์ ซึ่งอยู่ในช่องคลอด

ขอขอบคุณ women.thaiza.com

เตือนภัยผู้หญิงขับรถคนเดียว




ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้โชคร้ายความจริงบ้านของเธออยู่ที่จังหวัดนครปฐม

ในขณะที่เธอกำลังขับรถกลับบ้าน เป็นเวลา 3 ทุ่มก็มีรถ จักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาชนท้าย

ผู้ขี่จักรยานยนต์เป็นผู้ชายคน หนึ่งรีบจอดรถลงมาดู ความเสียหายและขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ พร้อมทั้งบอกว่าไม่ต้องกังวลจะชดใช้ค่า
เสียหายให้และพร้อมจะไปตกลงที่สถานีตำรวจด้วยท่าทางที่สุภาพนอบน้อม ทำให้เธอไม่รู้สึก
กลัวและยินดีที่จะไม่เอาเรื่อง หากชดใช้ค่าซ่อมรถ ที่มีรอยบุบเพียงเล็กน้อย

ชายคนนั้น บอกให้เธอขับรถตามเข้าไปยังอู่ซ่อมรถที่อยู่ ไม่ไกลเพื่อให้ช่างตีราคาและตกลงค่าซ่อม แต่ระหว่าง ทางขอนำรถมอเตอร์ไซด์
เข้าไปเก็บที่บ้านก่อนเพราะรู้สึกว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา

เธอก็ขับรถตามไปจนถึงปากทางเข้าบ้านและนั่งคอยอยู่ที่รถ
ชายคนนั้นกลับออกมา พร้อมชายคนหนึ่งเปิดประตูและขึ้นนั่งประกบทันที ดันตัวเธอไปนั่งตรงกลางใช้มีดบังคับให้นั่งเฉยๆ

และขับรถเข้ามากรุงเทพฯถึงธนาคารแห่งหนึ่งบริเวณงามวงศ์วานก็จี้ตัวเธอลงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม

ได้เงินจำนวนที่ธนาคารกำหนดให้กด จากตู้ในวงเงินเท่านั้นแต่เมื่อเห็นเงินในบัญชียังมีเหลืออีกมาก

จึงยังไม่ปล่อยตัวไปง่ายๆกันตัว ไว้รอเวลาให้เลยเที่ยงคืนแล้วจะกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง

ในช่วงการรอคอยเวลาก็ขับรถมาแถวถนนลาดพร้าวเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูด

และผลัดกันข่มขืนเธอหลายครั้ง แล้วก็สั่งอาหารรวมทั้ง
เบียร์มาดื่มกินในห้อง จนมีอาการมึนเมา แล้วก็ข่มขืนอีก จนกระทั่งตี 2

ชายคนหนึ่งจึงขับรถพาเธอมาบังคับ ให้กดเงินให้อีก โดย ให้สัญญาจะปล่อยตัวไปหากได้เงินที่ต้องการแล้วยังไม่ทันที่ จะถึงธนาคาร

ชายคนนั้นก็ขับรถชนท้ายรถคันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเสียก่อนแล้วพยายามหลบหนี จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปจับเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนที่นอนคอยอยู่ในโรงแรมได้และพาตัวมาสอบสวน

ทั้งคู่รับสารภาพว่าทำอย่างนี้กับผู้หญิงมาแล้วหลายครั้งส่วนใหญ่จะตระเวนมองหารถที่มีผู้หญิงขับเพียงคนเดียว

และมักจะหาเหยื่อตามจังหวัดที่ อยู่รอบๆกรุงเทพฯ
ผู้หญิงส่วนใหญ่อายไม่กล้าแจ้งความ กลัวเสียชื่อเลยทำให้ยิ่งได้ใจ

ขอบขอบคุณ bloggang.com

ฝากเตือนภัยผู้หญิงทุกคน(กระจกมองหลังในรถTaxi)



ตัวอย่าง taxi ที่ติดกระจกลักษณะนี้


ผมเห็นหลายๆคนเคยเล่าว่าเจอ taxi ติดกระจกไว้ตรงที่บังแดด พอมาเจอกับแฟนตัวเองนี่ซึ้งเลยครับ วันก่อนพึ่งจะเล่าให้เค้าฟังเองว่าให้ระวังไว้

เริ่มเรื่องเลยละกันครับ

ผม, แฟนและเพื่อนๆไปลอยกระทงกันที่ป้อมพระสุเมรุครับ ขากลับแวะข้าวสาร นั่งเล่นที่ผับแห่งนึง ออกมากันก็ประมาณตี 2 แฟนแยกกับเพื่อนๆ แล้วเดินไปเรียกแท็กซี่ตรงเส้นเบอร์เกอร์คิงกับผม เรียกกันครึ่งชั่วโมงก็ไม่จอดรับครับ

แฟนผมเมื่อยเลยไปนั่งกันตรงป้ายรถเมล์ ใกล้ๆกับสเวนเซ่น ผมเลยเดินออกไปโบกรถให้แฟน แต่ก็ไม่มีใครจอดรับครับ.. ผมเลยให้แฟนลองออกไปโบกบ้าง ตัวผมนั่งรอที่ป้าย คันแรกไม่รับ... คันที่สองจอดรับครับ พอคนขับตกลงผมก็รีบวิ่งขึ้นรถ

แว่บแรกที่ขึ้นรถ เห็นหน้าคนค่อนข้างเถื่อน รอยโกนหนวดเขียวเป็นแถบๆใส่หมวก ตาคมๆ เหมือนโจรพึ่งออกจากเรือนจำ เบาะหน้าฝั่งซ้าย เลื่อนขึ้นไปแบบสุดๆเลย ผิดสังเกต ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เค้ารับก็ดีใจแล้ว หน้าโหดใจดีมีเยอะแยะ แต่.. นั่งไปซัก 10 นาที แฟนผมสะกิดผมกระซิบบอกว่า
แฟน " แก ใช่กระจกแบบนั้นป่ะ ที่ลงในเน็ต "
ผม " เออ ว่ะ "

แฟนผมดึงกระโปรงลง (เค้าใส่ชุดแซ็กน่ะครับ) + เอากระเป๋ามาปิด เอาแล้ว... ทำไงดีตู.. หน้าโหด+ตัวใหญ่กว่าผมซักเท่านึง ผมนั่งคิดประมาณ 30 วินาที... พอคิดได้ก็นอนลงไปที่ตักแฟนผมครับ ลองดูเผื่ออะไรๆอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้

ผมมองขึ้นไปตรงกระจกที่ว่า เป๊ะเลยครับ สายตาคนขับ เป๊ะๆกับเป้ากระโปรงแฟนผม คนขับรู้ตัวครับ ทำเป็นมองไปข้างหน้าอย่างเดียว วอกแว่กนิดๆ แล้วก็นั่งนิ่งขับต่อ พยายามชำเลืองมองมาเป็นระยะ

ผมลุกขึ้นไปนั่ง เขยิบหัวไปข้างๆหูคนขับ แล้วถามเลยครับ

ผม " พี่ชาย.. กระจกติดไว้ทำไมครับ "
คนขับ "........."
ผม " ผมถามว่ากระจกติดไว้ทำไม "
คนขับ "..... อ๋อ...ก็...ติดไว้ดูเฉยๆ "

อาการมันลอกแล่กเห็นได้ชัดครับ

ผม " ติดไว้ดูกระโปรงสาวใช่ไหมพี่ ?"
คนขับ "........"
ผม " ผมถามพี่จากใจเลย ไม่ได้จะเอาเรื่อง ติดไว้ดูกระโปรงใช่ไหม "
คนขับ "........" ล่อกแล่กมากครับ เห็นได้ชัด
ผม " ถ้าเงียบ ก็คงใช่นะ "
คนขับ " หืมม.. ไหน มันเห็นหรอ " แล้วทำท่าจับกระจก
ผม "........"

ผมยื่นหน้าไปประชิดคนขับ จ้องตามัน เอื้อมแขนจะดึงกระจก แฟนผม กระตุกลงมากระแทกเบาะหลังบอกให้ใจเย็น

ผม " คิดว่าคนเค้าดูไม่รู้หรอมึง "
คนขับ "........"

ผมกดมือถือเม็มทะเบียน ทพ. 3540 taxi สีเหลือง แล้วซักแป๊บก็ถึงที่หมาย

ผมจ่ายตังแล้วลงมาเข้าบ้านกับแฟน

มานั่งคิดดูรู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรไปหลายๆอย่างเลย น่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แจ้งตำรวจ แต่ก็ได้โทรแจ้ง 1584 เรียบร้อยแล้ว คันที่ผมขึ้นนี้ไม่ใช่แค่ติดกระจกอย่างเดียว เบาะที่นั่งยังเลื่อนขึ้นไป ถ้ามันมอมยา หรือ ใช้กำลังหรืออาวุธเพื่อข่มขืนหรือจี้มันปีนมาเบาะหลั งง่ายๆเลยครับ คนขับมันคิดว่าแฟนผมเรียกคนเดียว มันไม่เห็นผม พอผมวิ่งขึ้นรถมันคงเซ็งน่าดู

เพื่อนๆที่ขึ้นแท็กซี่ต้องสังเกต และระวังนะครับ อยากเตือนให้เพื่อนๆผู้หญิงระวังตัวให้มากนะครับ เพื่อนผู้ชายก็อาจจะโดนจี้ จากแท็กซี่ประเภทนี้ได้เหมือนกันนะครับ ผมเชื่อว่ามันไม่ได้มีทุกคัน แต่ก็อย่าชะล่าใจนะครับ...

บทความจาก Forward Mail